วันนี้ผมจะมายกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ทำจาก Joomla ซึ่งเป็นบทความที่ผมเขียนไว้ในเว็บ Joom4Biz คงมีหลายๆคน คงสงสัยว่าสิ่งที่ผมพูดขึ้นมาใน Title นั้น เป็นเรื่องจริงรึป่าว เพราะการที่จะให้เว็บไซต์เราติดอยู่หน้าแรก ของ Google เป็นเรื่องที่ยาก แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่เราต้องทำความเข้าใจในตัวเราเองก่อนว่าเราต้องการอะไรบ้าง และสามารถจัดการในส่วนได้บ้าง
โดยปัจจัยหลัก เราจะนึกถึง Keyword และ Contents ว่าเราสามารถนำมาใช้ในเว็บไซต์ แล้วถอดออกมาเป็น ข้อความ หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของเรา โดยผมเน้นเสมอ ว่า Keyword ไม่ได้มีแค่คำเดียวในเว็บไซต์ เราสามารถจัดการ keyword ให้ครอบคลุมในเนื้อหาของ Content ที่ต่างกัน เราก็จะได้ Content ที่มี keyword ของแต่ละหน้า ซึ่งนั้นหมายความว่า หลังจากที่เรา Submit แล้วนั้น Link ที่เราส่งไปใน XML Sitemap จะเป็นตัวแยกหน้าและ ข้อมูลรวมถึง keyword ให้กับเราเอง
มาดูตัวอย่างง่ายๆ
กรณีของผม ได้ทำเว็บไซต์ Joom4biz และอัพโหลดขึ้นโฮสเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 และทำการ Submit ในคืนนั้นเลย จากนั้น ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ผมทดสอบค้นหาด้วย keyword ของแต่ละหน้า ที่ผมได้สร้างขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ keyword หน้า "แพ็คเกจเว็บราคาถูก" เมื่อค้นหาใน Google ปรากฎว่า หน้า "แพ็คเกจเว็บราคาถูก" ของผม อยู่หน้าแรก ของการค้นหาทันที!
ตัวอย่างการค้นหา Keyword คำว่า "แพ็คเกจเว็บราคาถูก"
นั้นแสดงให้เห็นว่า การที่เราจะ ติดหน้าแรกใน Google ไม่ยากเลย เพียงแต่เรา อย่าไปยึดติด หรือ Focus ที่ keyword เดียว ให้กระจาย keyword ที่สำคัญๆ ออกเป็นแต่ละ Content เพื่อให้ได้การ keyword Cover ในเว็บไซต์ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ keyword หลักที่เราชอบ (สาเหตุหลักคือ keyword ที่เราชอบ มักมีการแข่งขันกันสูงมาก ทำให้ถ้าเอาเฉพาะ keyword นั้นๆ อย่างเดียว มันจะเป็นเรื่องที่ยากในการทำเว็บไซต์ ให้อยู่ในหน้าแรกๆ ของการค้นหาที่ Google) จึงควรคิดก่อนการใช้ keyword ในแต่ละ Contents ให้ครอบคลุมใกล้เคียงกับ keyword ที่เราต้องการนั้นเอง
keyword Cover ในเว็บไซต์
อีกปัจจัยที่สำคัญ คือการทำเว็บด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่เราทำว่าจะเกื้อหนุนให้เว็บเรามีอันดับที่ดีขึ้นได้ไหม อาทิเช่น การทำเมนูของเว็บไซต์ (ส่งผลด้าน URL), การทำ Page Content แบบ Google Structured Data ( Google search ได้แนะนำเอาไว้ว่าควรทำข้อมูลที่มีโครงสร้าง) , การกำหนด Metadata ต่างๆ และอื่นๆ ที่เป็นตัวบ่งชี้ให้กับ Google ว่าเว็บไซต์ของเรามีข้อมูลอะไรบ้าง
เอาละครับ ผมเองก็อยากให้ทุกๆ คน ลองใช้เวลาคิดสักนิด ก่อนทำเว็บไซต์ ว่า keyword ที่เราต้องการจริงๆ และสามารถแยกย่อยออกไปได้นั้น มีอะไรบ้าง แล้วลองนำมาทำเป็น Content ดู โดยถ้าเป็น Content หลักที่มี keyword หลัก หรือ keyword ต้นๆ ที่เราชอบ ให้เอา Content นั้นมาทำเป็น Menu Link ส่วน Content ตัวอื่นๆ หรือ keyword อื่นๆ ที่ใกล้เคียง เราอาจจะนำไปใช้ในส่วนของเมนูแบบ Category blog ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องชี้ชัดด้วยเมนูหลักนั้นเอง
ทำแบบนี้เพื่ออะไร?
เพื่อนๆ อาจจะคิดว่า สิ่งที่ผมทำนี้มันก็ไม่ใช่ keyword หลัก หรือ ข้อมูลหลัก ที่เราต้องการ นี้ ถึงจะติด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร คำตอบก็คือ ถ้าเราทำแบบนี้แล้ว สิ่งที่เราจะได้มากกว่าก็คือ โอกาส ครับ โอกาสที่คนจะเข้าในเว็บไซต์ของเรา หรือคลิ๊กไปดูเนื้อหาในหน้าอื่นๆ เพิ่มเติม ก็จะเกิดขึ้น ผมจะให้ดูสถิติ การทำเว็บนี้มาแล้ว 7 วัน
สถิติจาก Google Search Console หลังทำเว็บได้ 7 วัน
เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า เว็บนี้ทำมาแล้ว 7 วัน ซึ่งผมเลือกการแสดงสถิติแบบ 7 วัน(1) ซึ่งเราจะได้ โอกาส ดังนี้
- 1. โอกาสที่คนจะคลิ๊กเข้าชมในเว็บไซต์เรามากขึ้น เพราะด้วย หน้าที่เราติดอยู่ใน Google ทำให้เพิ่มโอกาสในการคลิ๊กเข้าชมเว็บมากขึ้น
- 2. โอกาสการแสดงผลที่มากขึ้น เพราะถ้าเราทำให้ข้อมูลมีความหลากหลาย ก็จะสร้างโอกาสที่จะเกิดการแสดงผลที่มากขึ้น และเร็วยิ่งขึ้น (ทำเว็บ 7 วัน มีการแสดงผลในการค้นหาจาก Google ถึง 323 ครั้ง)
- 3. โอกาสที่เกิดจากหน้าหลักที่เราติดในหน้าแรกของ Google ก็อาจจะส่งผล ไปถึงหน้าอื่นๆ ให้เกิดการรับชมมากยิ่งขึ้น
สรุปได้ว่า บทความนี้ผมต้องการให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่า Joomla เอง ก็มีความสามารถทางด้าน SEO ไม่ได้น้อยหน้า CMS ตัวอื่นๆ เพียงแต่อยู่ที่เรา จะทำความเข้าใจ และจัดการได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าเราได้แต่แนวความคิด ซึ่งมันมีความหลากหลาย มากมายในโลกของ Internet นี้ แต่ไม่เคยลองทำ เราก็จะไม่รู้เลยว่า สิ่งที่เรารู้ หรือสิ่งที่เขาบอก มันจริงแท้แค่ไหน ดังนี้...คิดแล้วลงมือทำครับ
ขอบคุณครับ
Webmaster JoomlaHitz.com (ริว)
รับทำเว็บไซต์ / รับดูแลเว็บไซต์ รายเดือน / รับดูแลเว็บไซต์ รายปี / สอนทำเว็บไซต์ Joomla / รับทำเว็บราคาถูก